ตลาดสัปดาห์นี้ร้อนระอุ! 5 ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตา
สวัสดีค่ะ จูนมาแล้วค่ะ สัปดาห์นี้ตลาดการเงินทั่วโลกกลับมาคึกคักและเต็มไปด้วยความท้าทายอีกครั้ง มีหลายปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อพอร์ตการลงทุนของเราทุกคน ตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ร้อนระอุขึ้น ไปจนถึงการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ และตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องจับตา
เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า 5 เรื่องหลักที่ต้องมอนิเตอร์ใกล้ชิดในสัปดาห์นี้มีอะไรบ้าง และมันจะส่งผลกับเราอย่างไร
1. ตะวันออกกลางเดือด ราคาน้ำมันพุ่ง
ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดตอนนี้หนีไม่พ้นความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน หลังมีการโจมตีตอบโต้กันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดกังวลว่าความขัดแย้งอาจบานปลายเป็นสงครามในระดับภูมิภาค
ผลกระทบที่เห็นได้ทันทีคือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดีดตัวสูงขึ้นทันที ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อราคาน้ำมันในบ้านเรา และอาจกระทบต่อไปยังต้นทุนสินค้าและค่าครองชีพในระยะถัดไปค่ะ
2. การประชุมสุดยอด G7 กับความท้าทายรอบด้าน
ผู้นำจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ G7 กำลังประชุมกันที่แคนาดา โดยมีวาระสำคัญคือการหาทางคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมถึงประเด็นข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ ที่ยังคงยืดเยื้อ
ท่าทีและผลสรุปจากการประชุมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลต่อทิศทางนโยบายการต่างประเทศและการค้าโลก ซึ่งอาจสร้างความเชื่อมั่นหรือความผันผวนให้กับตลาดได้ตลอดทั้งสัปดาห์
3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ และทั่วโลกเอาไงต่อ?
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ของธนาคารกลางค่ะ ไฮไลต์อยู่ที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางในอนาคต ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
นอกจากเฟดแล้ว ยังมีการประชุมของธนาคารกลางในอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์จาก ING ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจค่ะ
"นี่เป็นสัปดาห์ที่วุ่นวายมากสำหรับตลาด... พัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ได้พุ่งเข้ามาในภาพ และผลกระทบของวิกฤตตะวันออกกลางต่อตลาดพลังงานสามารถส่งผลกระทบต่อการประเมินเงินเฟ้อของธนาคารกลางได้อย่างง่ายดาย"
4. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ตัวชี้วัดกำลังซื้อ
อีกหนึ่งตัวเลขสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ คือ ยอดค้าปลีก ซึ่งจะบอกเราได้ว่านโยบายการค้าและภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกันมากน้อยแค่ไหน
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขอาจออกมาไม่สดใสนัก ซึ่งหากเป็นจริงก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ค่ะ
5. ข้อมูลเศรษฐกิจจีน สัญญาณจากฝั่งเอเชีย
ปิดท้ายกันที่ข้อมูลจากพี่ใหญ่อย่างจีน ซึ่งตัวเลขล่าสุดแสดงให้เห็นภาพที่ผสมผสานกัน การผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตช้ากว่าคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากกำแพงภาษี แต่ในทางกลับกัน ยอดค้าปลีกในประเทศกลับเติบโตได้ดีเกินคาด
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้การส่งออกจะเจอปัญหา แต่กำลังซื้อภายในประเทศของจีนยังคงแข็งแกร่งและเป็นตัวช่วยพยุงเศรษฐกิจที่สำคัญ ตามรายงานจาก Investing.com ที่เรานำมาสรุปให้ฟังค่ะ









